เมนู

5 กามาวจรสวรรค์ 6 ชั้น สิริเป็น 1 ชั้นด้วยกัน จึงจะว่าให้เห็นว่า ที่ตัณหาอุปาทาน อันเป็น
ปัจจัยอุดหนุน ฝ่ายอกุศลนั้นก็ให้สัตว์ลงไปทนทุกข์ในนรกและอบายดังนี้ เรียกว่าฝ่ายบาป
ฝ่ายบุญนั้น ตัณหาอุปาทานก็ค้ำชูอุดหนุนให้กระทำบุญ ก็ได้เกิดในตระกูลมนุษย์เป็นกษัตริย์
มหาศาล พราหมณ์มหาศาล คฤหบดีมหาศาล และเป็นเทพบุตรเทพธิดาในฉกามาวจรสวรรค์
ดังนี้ ชื่อว่ากามตัณหา เหตุฉะนี้พระนาคเสนจึงวิสัชนาให้ชัดว่า ตัณหากับอุปาทานนี่แหละเป็น
ปัจจัยอุดหนุนมั่นคง คือที่จะทำบุญและกรรม
ประการหนึ่ง จะสำแดงด้วยภวตัณหา ภาตัณหานั้นได้แก่บุคคลจำเริญรูปฌาน ได้ไป
เกิดในรูปพรหม 16 ชั้น วิภวตัณหานั้นได้แก่บุคคลจำเริญอรูปฌาน ได้ขึ้นไปเกิดในอรูปพรหม
ประการหนึ่ง ถึงว่าจะได้พระโสดาปัตติผลก็ดี พระสกิทาคามิผลก็ดี พระอนาคามิผลก็ดี ยังมี
ตัณหาอุปาทานเป็นปัจจัยค้ำชูให้กระทำกุศลอยู่ ได้ไปเกิดในภพเบื้องบน เหตุฉะนั้นพระนาคเสน
ผู้เป็นองค์เอกอรหันต์ จึงวิสัชนาว่า ตัณหาอุปาทานนี้เป็นปัจจัยอุดหนุนให้กระทำกุศล ต่อเนื่อง
ได้สำเร็จพระอรหันต์ผลแล้ว จึงจะขาดจากตัณหาอุปาทานเข้าพระนิพพานไป ท่านสาธุสัตบุรุษ
จงสันนิษฐานเข้าใจด้วยประการดังนี้
ฝ่ายสมเด็จพระเจ้ามิลินท์ปิ่นประชาชาวสาคลนครได้ฟังปัญหาพยากรณ์ของพระนาคเส
แก้ไข มีน้ำพระทัยชื่นบานหรรษาตรัสว่า กลฺโสิ สธุสะพระผู้เป็นเจ้าวิสิชนานี้สมควรอยู่แล้ว
ปุริมโกฏิปัญหา คำรบ 2 จบเท่านี้

โกฏิยาปุริมปัญหา ที่ 3


ราชา

สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ปิ่นธรณีมีพระราชโองการตรัสถามอรรถปริศนาอันอื่นต่อไปว่า
ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่พระนาคเสน ผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโยมไว้ว่า ที่สุดเบื้องต้นแห่งกาล
ปรากฏนั้นอย่างไร
พระนาคเสนวิสัชนาแก้ไขว่า มหาราช ขอถวายพระพรบพิตรพระราชสมภาร ได้แก่สิ่งที่
ไม่มีแต่ก่อนเลย กลับมีขึ้นแล้วพลัดพรากไป นี่แหละเรียกว่าที่สุดเบื้องต้นแห่งกาลปรากฏ
ขอถวายพระพร
สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมิทราธิบดี มีพระราชโองการตรัสว่า ที่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่าสิ่ง